Blogs
(ตอน3) live สดกับน้องโบว์ เรียน + ฝึกงานตลอด 3 ปีที่เรียน BHMS ในสวิตเซอร์แลนด์
(ตอน 3)
York: แล้วค่าครองชีพเวลาอยู่ที่สวิสอ่ะค่ะ ค่าครองชีพการใช้จ่ายมันแพงไหม เราใช้จ่ายเงินประมาณเท่าไหร่ ตั้งแต่ช่วงเรียนเลยค่ะ
น้องโบว์: ช่วงเรียนแทบจะไม่ต้องจ่ายค่าอะไรเลยค่ะ นอกจากค่าปาร์ตี้กับเพื่อนก็ไม่ต้องจ่ายอะไรเลย เพราะว่าโรงเรียนเค้ามีอาหารให้ค่ะ 3 มื้อ เสาร์-อาทิตย์ก็ 2 มื้อ แล้วก็ห้องเนี่ยมันรวมในค่าเรียนไปแล้วค่ะ ก็เลยแทบจะไม่ต้องจ่ายอะไรเลยนอกจากของจุกจิก ขนม หรือว่าถ้าเราแบบไม่อยากกินอาหารของโรงเรียนเราอยากทำอาหารกินเอง เราก็แค่ซื้อจ่ายกันตรงนั้นอะไรประมาณนี้ค่ะ
พี่กิ๊ก B.H.M.S: เพราะตรงนี้สำคัญนะเพราะหลายคนจะแบบว่า เอ่อตอนนี้สวิสเนี่ยได้จัดเนี่ยได้เป็นได้จัดอันดับเป็นประเทศที่ดีที่สุดในโลกนะน้องโบว์ยินดีด้วยนะถ้ายังอยู่สวิสอยู่นะคะ หลายๆ คนเค้าก็จะแบบกังวลไงเพราะสวิสขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพชีวิตดีแต่ว่าค่าครองชีพสูงปรี๊ดอะไรอย่างงี้ ก็อยากที่น้องโบว์บอกวันนี้ว่าแน่นอนว่าข้างนอกอ่ะ เพราะคนสวิสเขาได้รายได้สูง ค่าครองชีพเขาก็สูงด้วยแต่ว่านักเรียน B.H.M.S เนี่ยมันไม่กระทบเพราะจากสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่จ่ายเป็นเงินค่า school fee มาเนี้ย ได้รวมอาหาร และก็ค่าที่พัก และก็ค่าใช้จ่ายอื่นๆ แล้ว นอกจากค่าใช้จ่ายส่วนตัวเราจริงๆ ดังนั้นแล้วเราก็ไม่ต้องกังวลว่าเราจะต้องไปเสียค่าที่พักที่เพิ่มขึ้น หรือว่าอาหารเนาะ ซึ่งเป็นรายจ่ายหลัก
York: ตอนอยู่สวิส นอกจากเราเรียน เราฝึกงาน มีทำกิจกรรมอะไรบ้างมั้ย
พี่กิ๊ก B.H.M.S: ใช่ ใช้ชีวิตยังไง free time
น้องโบว์: ก็ใช่ชีวิตยังไง ก็คืออย่าง Term Break อ่ะค่ะ ส่วนใหญ่ก็คือจะมี เพราะว่าหลังจากปี 1 เก็บเงินได้แล้วเนี่ย ปี 2 พอ Term Break ก็คือจะบินไปต่างประเทศเลย อย่างแบบ เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส อะไรอย่างเงี้ยค่ะ ซึ่งคือจะต้องคุยก่อนว่าค่าตั๋วเนี่ย 70 ฟรังค์ค่ะ 68 ฟรังค์ค่ะ ก็ประมาณ 1,000-2,000 มันเลยเป็นอะไรที่แบบว่าหาไม่ได้นะคะราคานี้ หาไม่ได้ ก็เลยเป็นอะไรที่แบบว่า เป็นโอกาสที่ดีมากเลยที่มาอยู่ตรงนี้ แล้วแบบเนื่องจากเราไม่ต้องทำวีซ่าเราไม่ต้องมาอะไรเลยเพราะว่าเรามี B Permit ที่เราเป็นนักเรียนแล้วค่ะ เราใช้อันนั้นเข้าประเทศในยุโรปได้หมดเลย ใช่แล้วก็ส่วนถ้าไม่ใช่ Term Break เนี่ย เสาร์-อาทิตย์ ก็ส่วนใหญ่ก็จะแบบไป hang out หรืออาจจะไปเที่ยวในสวิสค่ะ ที่แบบว่าอาจจะไปเช้า เย็นกลับ เพราะปกติแบบบางวันหนูชอบที่จะนั่งข้ามพรมแดนไปเยอรมันอ่ะค่ะ Konstanz คือของที่เยอรมันถูกกว่า แชมพู สบู่ ขนมนมเนยอะไรแบบเนี้ยค่ะ ถ้าเราข้ามไปได้มันก็ถูกกว่า ค่าตั๋วก็ ไป-กลับ ประมาณ 30 ฟรังค์ค่ะ ประมาณ 1,000 มั้งคะ ก็แค่เดินไปเยอรมันแบบนั่งไป 2-3 ชั่วโมงก็ถึงเยอรมันแล้วแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย ก็ shopping แล้วก็กลับค่ะ แต่ก็เสาร์-อาทิตย์ ส่วนใหญ่ก็ปาร์ตี้กับเพื่อนค่ะ แบบ hang out แบบนั้นค่ะ ฟีลนั้น
พี่กิ๊ก B.H.M.S: อันนี้ก็คือจะเป็นการใช้ชีวิตที่สวิสก็แล้วแต่ใครจะใช้ชีวิตยังไง แต่นี่คือเป็นแบบที่น้องโบว์ใช้ ซึ่งก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือย อยู่ในหลักที่แบบสมเหตุสมผลเนาะ
น้องโบว์: ใช่ค่ะ
พี่กิ๊ก B.H.M.S: แล้วก็สุดท้ายนี้ พี่เกลมีคำถามอะไรถามเพิ่มเติมไหมจ้ะ
York: อยากให้โบว์บอกว่า มีอะไรจะฝากถึงผู้ปกครองหรือว่าน้อง ๆ ที่เขาสนใจแล้วก็แบบกำลังลังเลที่แบบจะไปเรียนที่ไหนดี หรือว่าบางคนแบบสนใจสวิสแต่ไม่มั่นใจ อยากให้น้องโบว์พูดถึงนิดนึงว่าแบบมีอะไรจะฝากถึงน้อง ๆ หรือว่า ผู้ปกครองที่กำลังดูอยู่
น้องโบว์: ก็จะฝากว่า ก็คือไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากมายอ่ะค่ะ เพราะว่ามันเป็นโอกาสที่ดี เราไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลยค่ะ เพราะอย่างของหนูก็มานี่ตั้งแต่ 18 ก็คือบินมาเลย แล้วก็สังคมที่นี่มันโอเคค่ะ แบบมีเพื่อนคนไทยถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็คือแบบมีเพื่อนหลายชาติ โดยที่เราไม่ต้องจำต้องกังวลอะไรมากมาย เราสามารถเรียนรู้แบบว่าการเข้ากับคนประเทศอื่นๆ เนี่ยมันเป็นยังไง รวมถึงแบบโรงเรียนเขาก็ดูแลดีอ่ะค่ะ แบบแล้วก็อยู่ที่หอก็มี Reception 24 ชั่วโมง เราไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรในการใช้ชีวิตเลย เพราะสวิตเซอร์แลนด์ก็เป็นประเทศที่เซฟระดับหนึ่งเลยถูกไหมล่ะคะ ชื่อเสียงเขาก็ไม่ได้แย่เลย แนะนำว่าถ้าสนใจจริงๆ ให้มาเถอะค่ะ เพราะว่าเราได้ทำงานจริงๆ เราได้รู้จริงๆ เราได้ลงมือทำจริงๆ รวมถึงมันเป็นโอกาสที่เราจะได้แบบหนีเที่ยวด้วยค่ะ
พี่กิ๊ก B.H.M.S: เขาเรียกว่าเปิดประสบการณ์ ค่ะก็อันนี้ก็ฝากไว้ด้วยเผื่อใครอยากมาสัมผัสเหมือนน้องโบว์หรือพี่โบว์เนี่ย ก็ B.H.M.S นะคะอยู่ที่ใจกลางเมืองลูเซิร์นซึ่งตอนนี้เนี่ย โรงเรียนที่เกี่ยวกับสอนบริหารธุรกิจและการโรงแรมในระดับ International ที่สอนเป็นภาษาอังกฤษเนี่ยที่อยู่ใจกลางลูเซิร์นเนี่ยมีแค่ B.H.M.S นะ ก็คืออยากมาเปิดประสบการณ์ มาเรียน มาทำงาน ก็เชิญได้นะจ้ะ อันนี้ท้ายสุดก่อนที่จะปล่อยน้องโบว์หรือพี่โบว์ของเราเป็นอิสระเนาะ เมื่อกี้น้องโบว์บอกว่ามาเรียนกับเราตั้งแต่เด็กเนาะ ตั้งแต่ละอ่อนน้อยอยู่เลยอายุ 18 เนี้ย ก็อยากให้เล่าถึงประสบการณ์การใช้บริการกับสถาบันยอร์คว่ายอร์คเนี่ยช่วยเหลืออะไรเราบ้าง ว่าทำให้เด็กคนนึงมาเรียนตั้งแต่อายุน้อยเลย เป็นยังไงบ้าง เล่าความประทับใจหรือไม่ประทับใจหน่อยค่ะ
น้องโบว์: ก็ช่วยตั้งแต่แรกเลยค่ะ ก็คือเพราะว่าพ่อแม่ก็กังวล บางทีก็รู้สึกแบบเกรงใจเพราะพ่อแม่เขาก็คุยแบบนี้ บางทีเราก็โทรไปคุยกับพ่อแม่ พ่อแม่ก็แบบจะคุยให้ ก็คือพี่เกลเขาก็ช่วยเยอะ อย่างเช่นตอนหนูย้ายหอค่ะ มีปัญหาแล้วหนูอยากย้ายหอ คือหนูติดต่อหลังเพื่อนเลยแต่หนูได้เป็นคนแรกที่ได้ย้ายก่อนเลยอะไรอย่างเงี้ย รวมถึงแบบถ้ามีปัญหาอะไรกับครู หรือถ้าแบบมีปัญหาเรื่องการเรียน หรือว่าเรื่องเพื่อน หรืออะไรแบบนี้ก็สามารถคุยได้ว่าแบบอย่างงี้มันจะดีไหม หนูควรทำยังไง หรือการฝึกงาน หรืออย่างเช่น ตอนนี้หนูก็มีแพลนว่าหลังจากจบอันเนี่ยหนูจะไปอเมริกา เพื่อ internship อีก 1 ปี เพราะว่าเขาให้อยู่แล้วกับโรงเรียนใช่ไหมคะ แบบว่าฝึกงานจบแล้วเราสามารถไปขอต่ออเมริกาอีกปีหนึ่ง ใช่หนูก็คือติดต่อว่าช่วยประสานงานให้หน่อย ดีเทลว่าต้องการอะไรยังไง เรื่องเอกสารเรื่องอะไรอย่างเงี้ยค่ะ รวมถึงตอนปี 1 หนูกลับไทยหลังจากโควิดอ่ะค่ะ ก็คือหนูขอให้พี่เกลแบบเตรียม พี่เกลก็คือเตรียมเอกสารทุกอย่างให้หมดเลย เหลือหนูแค่เซ็นชื่ออย่างเดียวเลยค่ะ
พี่กิ๊ก B.H.M.S: พี่เกลลอยแล้ว พี่เกลคิดตังไหมจ้ะ ฟรีไหม
น้องโบว์: ไม่คิดค่ะ แบบว่ามันอยู่ในที่จ่ายตอนแรกแล้ว อันนี้คือบริการหลังการขายเลยค่ะ
พี่กิ๊ก B.H.M.S: ก็คือช่วยในการสมัคร ส่งใบสมัคร ทำวีซ่า ให้คำปรึกษา แล้วก็ตอนเราเรียนไปแล้วเรามีรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารเพราะว่าเราเรียน 3 ปีเนาะก็ต้องมีเรื่องวีซ่ากลับอะไรอย่างงี้ ก็พี่เกลก็ยังช่วยเหลือเนาะแบบไม่ทอดทิ้งไปไหน
น้องโบว์: ใช่ค่ะ
พี่กิ๊ก B.H.M.S: วันนี้ก็ขอบคุณน้องโบว์มาก สำหรับสละเวลามาช่วยเหลือค่ะ
York: ใช่ค่ะ งั้นเดี๋ยวเราก็ปล่อยน้องโบว์เป็นอิสระ
พี่กิ๊ก B.H.M.S: แต่ว่าเรา 2 คน ยังอยู่กันนะ ยังอยู่กันแปปหนึ่งไม่นานนะจ้ะ ถ้าคนที่ดูจากไลฟ์หรือว่าคนดูย้อนหลัง ก็อย่าพึ่งทิ้งกันไปไหนเนาะ วันนี้พี่ก็ขอขอบคุณน้องโบว์มากเลยค่ะ
York: ใช่ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ
น้องโบว์: ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ
York: เรียนต่อเป็นยังไง เรียนที่สวิสเป็นยังไง ฝึกงานเป็นยังไง ทีนี้เรามาพูดถึงการเรียนที่ B.H.M.S กันเลยดีกว่าค่ะ
พี่กิ๊ก B.H.M.S: ก็สวัสดีนะคะ ผู้ชมไลฟ์อาจจะชมต่อจากน้องโบว์มาเลยใช่ไหมคะหรือว่าย้อนหลัง ก็อันนี้เดี๋ยวพี่กิ๊กขอสรุปแล้วกันเนาะจากที่น้องโบว์เล่าแนะนำ เล่ามาต่างๆ จากประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ ก็ที่พี่เกลถามว่าการเรียนที่ B.H.M.S เนี่ยก็จะเป็นการเรียนที่ผสมผสานระหว่างการเรียนแล้วก็การทำงานจริงทันทีเนาะ แปลว่าอะไร แปลว่าใน 1 ปีการศึกษาค่ะไม่ว่าจะหลักสูตรไหนก็ตาม นักเรียนจะเรียน 6 เดือนในใจกลางเมืองลูเซิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์นะคะ ก็คือเรียนกับ B.H.M.S นั่นแหละในห้องเรียน ซึ่งในส่วน 6 เดือนเนี่ย ถึงแม้จะเป็นส่วนของการเรียนที่เมื่อกี้น้องโบว์บอกจะมีการปฏิบัติร่วมด้วยนะคะ มีการเก็บคะแนนที่หลากหลายเนาะ แล้วก็พอเราจบ 6 เดือนปั๊ป เราไม่ทิ้งความรู้ เราเอาความรู้ออกไปใช้ทำงานทันทีนะคะ ซึ่ง B.H.M.S เนี่ย เรามีทั้งหมด 3 หลักสูตร อ่า 3 สาขาใหญ่เนาะ เพราะว่า B.H.M.S เนี่ยอย่างที่หลายคนอาจจะเรียกชื่อเล่นเป็นโรงเรียนการโรงแรม Hospitality School แต่ที่จริงแล้ว B.H.M.S ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า Business & Hotel Management School นะคะ เราไม่ใช่แค่โรงเรียนการโรงแรมแต่เราเป็น Business school ด้วย ตั้งแต่เราริเริ่มตั้งโรงเรียนมาเลย ไม่ใช่ว่าพึ่งเป็นเนาะ ดังนั้นแล้วเนี่ยหลักสูตรที่ B.H.M.S มีให้นักเรียนเนี่ยจะมีให้นักเรียนจะมีทั้งหมด 3 สาขา สาขาแรกก็คือ สาขาของ Hotel & Hospitality Management ที่เมื่อกี้น้องโบว์เลือก สาขาที่ 2 สำหรับน้อง ๆ ที่อยากเรียนบริหารธุรกิจทั่วไป คือสาขาของ Global Business management หรือว่าที่น้องโบว์หรือว่าเด็กๆ เราเนี่ยจะเรียกชื่อเล่นว่า Global เนาะ แต่จริงๆ แล้วก็คือ Business management หรือว่า General Business management นะคะ ดังนั้นแล้วเนี่ย แปลว่าอะไร แปลว่าถึงแม้ว่าพวกเราเนี่ยไม่ว่าจะเป็นระดับป.ตรี ป.โท สนใจทางด้านการบริหารธุรกิจทั่วไป ก็ยังสามารถมาเรียนกับ B.H.M.S ที่สวิสได้ เพราะยังมีการฝึกงานมีเงินเดือนนะคะ และอีกสาขาหนึ่งเลย ก็อันนี้มีนักเรียนจากยอร์คเยอะเลย ก็เป็นสาขาของ culinary Art ซึ่งกำลังมาแรงนะคะซึ่งสาขานี้ที่จริงสำหรับนักเรียนไทยก็มาแรงตลอด แต่ตอนนี้หลังจากหมดยุคโควิดเนี้ยก็กลับมาแรงมากขึ้น เพราะว่าอะไร เพราะว่าอย่าลืมว่าท้ายที่สุดแล้วเนี้ยเวลาที่เราจะประกอบอาชีพ การประกอบอาชีพ เราต้องมีหลายอย่างเนาะ แต่ว่าการที่เรามีskill ทักษะพิเศษนะคะ มันก็จะเป็นสิ่งที่ติดตัวสามารถเลี้ยงชีพเราได้ อาจจะใช้ในฐานะอาชีพเสริมก็ได้ หรือว่าใช้ในฐานะอาชีพหลัก ที่เป็น career path ของเราก็ได้นะคะ เราสอนตั้งแต่ระดับปริญญาตรี จนถึงระดับของ MBA เลย ก็อย่างเมื่อกี้ตัวอย่างของน้องโบว์นะคะ เค้ามาเรียนปริญญาตรี ปริญญาตรีของ B.H.M.S เนี่ยสอนแค่ 3 ปีเท่านั้นนะคะ ก็เป็น 3 ปีจบเนาะ แต่ว่าอะไร แต่ว่าเรียนรวมกันปีครึ่ง ก็คือเรียน 6 เดือนแต่ละปี แล้วก็ฝึกงานอีก 6 เดือนของแต่ละปี ก็เท่ากับว่าจบปริญญาตรี แล้วก็เมื่อเรียนจบปริญญาตรีแล้วเนี่ยจะได้ปริญญาตรี 2 ใบนะคะ จาก B.H.M.S ที่สวิตเซอร์แลนด์ แล้วก็ Robert Gordon University ที่อยู่ที่ฝั่ง UK นะคะ ถือว่าคุ้มเนาะน้องเกลเนาะ ก็คือว่ามาเรียนเนี่ยปี 1 ปี 2 ก็ยังได้วุฒิการศึกษาจากสวิส แล้วก็เมื่อจบปี 3 เนี่ยก็สามารถได้ปริญญาตรี 2 ใบนะคะ เท่ากับว่า เราสร้างความแตกต่างจากคนอื่นที่อาจจะเรียนในประเทศหรือว่านอกประเทศที่ประเทศอื่นเนาะ แล้วก็ส่วนปริญญาโทก็เหมือนกันนะคะ ปริญญาโทเนี่ยก็เป็นหลักสูตรที่ได้ Degree 2 ใบเช่นกันนะคะเมื่อจบแล้ว แล้วก็ปริญญาโทของเราเป็นหลักสูตร 1 ปีเท่านั้น คุ้มมาก ถ้าเกิดใครสนใจเรียนปริญญาโทเนี้ย สวิสก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งนะคะที่ B.H.M.S เพราะว่าเป็นหลักสูตร 1 ปี เช่นกัน แต่ว่าจะมีการฝึกงาน แล้วก็ยังสามารถไปต่ออย่างที่น้องโบว์บอกว่าไปทำงานต่อที่อเมริกาได้อีก 1 ปีเลยนะคะ แล้วก็ตอนจบแล้วเนี่ย หมายถึงว่าตอนจบก่อนที่จะไปทำงานที่อเมริกาเนี่ยเราจะได้ปริญญาโท 2 ใบนะคะจาก B.H.M.S แล้วก็จากมวิทยาลัยพาร์ทเนอร์ของเราเนาะ เพราะฉะนั้นสรุปแล้วหลักสูตรของเราเนี่ยมีตั้งแต่ปริญญาตรี ปริญญาโท ตั้งแต่ MSC แบบเจาะลึก MBA การบริหารธุรกิจ แล้วก็เรายังมีหลักสูตรที่โฟกัสด้านอาชีพโดยเฉพาะเนาะน้องเกลเนาะ คือหลักสูตร PGD นะคะ ก็มีหลักสูตรทางด้าน ทางด้าน Culinary Art แล้วก็ PGDทางด้าน Hospitality Management นะคะ จะเรียนเกี่ยวกับเน้นทางด้าน Operation อุตสาหกรรมของการบริการเลยหรือว่า Operation หรือการทำปฏิบัติจริงในอุตสาหกรรมของการเป็นสายอาหารสายเชฟนะคะ หรือว่าสาย Culinary Art ซึ่ง Culinary Art ของเราเนี้ย เราก็ไม่ได้ให้นักเรียนมาเพื่อออกมาเป็นเชฟ หรือว่าเป็นกุ๊กเท่านั้น เราสอนเพื่อให้นักเรียนมาประกอบอาชีพได้ไม่ว่าจะเป็นอาชีพสายบริหาร อาจจะเป็นพวก Beverage Manager หรือบริหารร้านอาหารก็ได้ หรือบางคนผันตัวไปทำงานในโรงแรมก็ได้ หรือว่าในขณะเดียวกันแน่นอน หรือก็ทำอาหารเป็นเชฟก็ได้ด้วย
York Institute : ก็ครบวงจรเลยนะคะ ทีนี้เราอยากรู้ว่าการรับเข้า ต้องมีอะไรบ้างคะ ภาษาต้องสอบอะไร ที่นี่เอาคะแนนเท่าไร
พี่กิ๊ก B.H.M.S: แล้วก็จะโทรมานอยด์กับพี่เกลเนอะ ว่าไม่มี IELTS ไม่มี TOEFL ของ B.H.M.S. เนี้ย ถ้าจะเข้าปริญญาตรีปี 1 เรารับได้ตั้งแต่ GED หรือว่าคุณจะเรียน GCSE หรือว่าจะจบมัธยมศึกษาปกติของไทยก็ได้ ก็เข้าปริญญาตรีปีที่ 1 ได้เลย ส่วนภาษาแน่นอนอย่างที่น้องโบว์ได้บอกไปแล้วว่าที่ B.H.M.S. เราเป็น International School นะคะ ระดับของมหาวิทยาลัย เพราะฉะนั้นก็การเรียนการสอนเราใช้ภาษาอังกฤษ 100% คนสวิสเค้าก็ใช้ภาษาอังกฤษ บางคนเค้าก็พูดภาษาอังกฤษได้ ดังนั้นเราก็ต้องมีการทดสอบภาษาอังกฤษนะคะ ภาษาอังกฤษที่เราใช้ เรารับได้ตั้งแต่ TOEFL , IELTS หรือว่าจะเป็น Pearson ก็ได้ หรือ TOEIC ก็ได้ หรือจะเป็น Duolingo ก็ได้ สะดวกหน่อยนะ ก็คือเราสามารถสอบออนไลน์ได้เลย สมัครกับพี่เกลที่นี่ก็ได้ ใครสมัครไม่เป็นก็เอามาทำกับพี่เกลที่ออฟฟิศก็ได้ วันนี้เราก็อยู่ที่ออฟฟิศของ York มาทำกับพี่เกล ให้พี่เกลช่วย set up ก็ได้ หรือจะทำจากบ้านก็ได้นะคะ เรารับคะแนน Duolingo ก็ได้ด้วย เพราะฉะนั้นนักเรียนที่กังวลว่า ไม่มี IELTS ไม่มี TOEFL ก็อาจจะไม่ต้องไปเสียเงินเยอะๆ เพื่อทดลองทำ ไม่ต้องกังวลเราสามารถใช้ Duolingo ได้ ใช้ในการรับเข้า B.H.M.S. และใช้ในการทำวีซ่าไปสวิสได้ด้วย ราคาก็ไม่แพงเกินไปค่าสอบก็ประมาณ 59 เหรียญ 59 USD เท่านั้นนะคะ ก็ประมาณพันกว่าบาท
York Institute : ใช่ค่ะ ซึ่งถือว่าประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยนะคะ แล้วก็ประหยัดเวลาด้วยค่ะ สะดวกจะทำเมื่อไรก็ทำได้ตลอดเพราะว่ามันเป็นออนไลน์ เพราะฉะนั้น จริงๆ แล้วไม่ได้ยากเลยการที่เราจะเข้าเรียนที่ B.H.M.S. นะคะ คือมีทางเลือกเยอะแยะมากมาย
พี่กิ๊ก B.H.M.S: หรือว่าป.โท เราก็รับนักเรียนได้จากป.ตรีทุกสาขาเลยนะคะ แล้วก็แน่นอนภาษาอังกฤษเราก็รับด้วย Duolingo ก็ได้ อ่อแล้วก็อีกอย่างนึงเมื่อกี้น้องโบว์เค้าพูดถึงว่าบางคนก็สามารถ transfer เข้ามาปี 3 โดยตรง หรือปี 2 โดยตรงก็ได้นะคะ อันนี้สำหรับน้องๆ ที่อาจจะเรียนจากไทยแล้วนะคะ อาจจะเรียนมาแล้วปีสองปี สามปีแล้วอยากจะไปจบที่สวิสเป็น double degree ได้ degree 2 ใบแล้วก็ได้ฝึกงานแล้วก็โอกาสไปต่อเนอะ หรือว่าน้องๆ อาจจะจบ diploma , higher diploma , advanced diploma มาจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ ออสเตรเลีย อะไรแบบนี้ ก็มีโอกาสที่จะ transfer นะคะหรือมาสมัครเป็น direct entry เข้าปี 2 หรือปี 3 โดยตรงของสวิสได้ ก็ไม่ต้องกังวลว่าเราจะเสียเวลาที่เราเรียนจากที่เก่าไปหรือเปล่านะคะก็เราลองส่ง transcript มาให้ทางพี่เกล แล้วพี่เกลก็จะส่งให้พี่ดูจาก transcript ว่านักเรียนสามารถ transfer เข้ามาในระดับชั้นไหนได้นะคะ ก็จะได้จบเร็วที่สุด จะได้ไปต่อเร็วที่สุด จะได้ไม่ต้องเสียเงินเยอะนะคะ
York Institute : ลองมาคุยกันก่อน เคสของแต่ละคนอาจจะมีความซับซ้อนแตกต่างกัน ไม่เหมือนกันนะคะ เพราะฉะนั้นแนะนำว่า ปรึกษาเราก่อนได้ ถามพี่เกลได้ ซึ่งเราก็จะช่วยกันหาทางออกให้กับน้องๆ ว่าจะสามารถ transfer ได้ไหม ได้เท่าไร ยังไงบ้าง นะคะ ก็ลองมาคุยกันก่อน ทีนี้อยากให้พี่กิ๊กช่วยสรุปนิดนึงว่า ทำไมน้องๆ ถึงจะควรมาเรียนกับ B.H.M.S.
พี่กิ๊ก B.H.M.S: ที่สรุปมาจากโบว์เมื่อกี้ ที่เราพูดถึงน้องโบว์บ่อย ลองไปดู live หรือวิดีโอข้างล่าง ก็พี่ขอสรุปว่าการมาเรียนที่ B.H.M.S. หรือที่สวิตเซอร์แลนด์เนี้ย สิ่งแรกเลยเราได้คุณภาพการศึกษาเนอะ เราได้การเรียน เราได้ความรู้ แน่นอน แล้วก็หลักในการทำงาน หรือได้วิธีการในการทำงานนะคะ รู้การทำงานจริง
แล้วก็นอกจากการเรียนแล้วเราได้การฝึกงานตามมา อันนี้พี่ไม่พูดถึงเงินเนอะ เมื่อกี้น้องโบว์บอกว่าได้เงินเยอะเลย เหลือต่อเดือนพันหก พันห้า พันสี่ ต่อเดือนอะไรงี้ อันนี้เราข้ามเรื่องเงินไปก่อน ก็ได้จะประสบการณ์ทำงาน ได้เรียนรู้การทำงาน ทำให้เราเป็นคนที่แตกต่างจากคนที่ไม่เคยทำงาน เพราะฉะนั้นแล้ว โดยเฉพาะในธุรกิจหรือในสภาพในยุคปัจจุบันที่การแข่งขันสูง แล้วกว่าที่เราจะได้ตำแหน่งที่เราต้องการ อาจจะต้องสัมภาษณ์แล้วมีคู่แข่งเยอะ ต้องผ่านด่านสัมภาษณ์อะไรหลายรอบ จากนั้นถ้าเกิดเราเป็นคนที่ทำงานเป็น เคยทำงานมาแล้วของต่างประเทศเนี้ย เราก็จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี อันนี้ก็จะเป็นข้อดีที่ทำไมถึงควรมาเรียนที่ B.H.M.S.
หรือว่าอีกข้อนึงก็คือเมื่อกี้น้องโบว์ก็บอกแล้วว่าจบแล้วจะไปต่อที่อเมริกาเนอะ เพราะฉะนั้นแล้วถ้าเกิดว่าเราเรียนจบนะคะ เราเรียนจบเราไม่ต้องกังวลว่าไม่มีอะไรทำ แน่นอนว่าบางคนเรียนจบใหม่ๆ แล้วก็ไม่รู้เนอะว่าสภาพเศรษฐกิจอะไรในอนาคตเป็นอย่างไรแต่ว่า ของ B.H.M.S. นักเรียน เรียนจบปั๊ปแล้วยังตั้งตัวไม่ได้ หรือไม่มีอะไรทำ หรือเราตั้งใจจะไปต่ออยู่แล้ว B.H.M.S. เราก็ช่วยเหลือ คำว่าช่วยเหลือคือช่วยเหลือเหมือนตอนที่เราการันตีฝึกงานที่สวิสเลยนะ ก็คือเราจะหางานแล้วก็จะสมัครงานให้ในต่างประเทศนะคะ ที่บอกว่าต่างประเทศเพราะที่สวิสเราไม่มี Post study visa นะคะ นักเรียนที่จะอยู่ต่อสวิสได้ก็คือนายจ้างต้องรับแล้วประสานงานเรื่อง work permit กับทางรัฐบาลเนอะ ดังนั้นถ้าจะให้โรงเรียนช่วยเหลือ โรงเรียนก็จะช่วยเหลือในการหางานในประเทศที่เรามีสัญญานะคะแล้วก็สามารถรับนักเรียนต่างชาติแล้วก็ได้วีซ่าไปทำงานต่อไม่ว่าจะเป็นอเมริกา มัลดีฟ ดูไบ นักเรียนไทยบางคนก็ไปถึง จาไมก้า ก็มีนะคะ เป็นสิ่งนึงที่เราได้ พูดง่ายๆ ได้โอกาสการไปสร้าง career path เพิ่มขึ้นหลังเรียนจบนะคะ
อีกอันนึงที่น้องโบว์บอกก็คือว่าเรา การมาเรียนที่สวิสเนี้ย หลายคนอาจจะบอกว่าสวิสก็เป็นประเทศไม่ใหญ่หรือเปล่าอยู่ใจกลางเมืองยุโรปนะคะ แต่ประสบการณ์ที่เราจะได้มันนอกเหนือจากสวิตเซอร์แลนด์ก็คือว่าตอนที่เรามาเรียนที่สวิสเนี้ยเราได้ resident permit หรือเมื่อกี้น้องโบว์พูดถึง B-permit ตัว resident permit คือตัวที่ทำให้เราเหมือนคนสวิสตรงที่ว่าเราสามารถใช้ resident permit แน่นอนในการที่เราออกไปทำงาน ฝึกงานแบบถูกกฎหมาย และทำให้เราสามารถเดินทางได้ทั่ว Schengen area ได้นะคะ โดยที่ไม่ต้องประสานงานทำวีซ่าอะไรแล้วนะและการเดินทางก็ไม่ได้แพงอย่างที่เราคิดเนอะ ที่น้องโบว์เล่าให้ฟัง ว่าก็เหมือนกับเราไปเชียงใหม่ ขอนแก่น เราก็ได้ไปเที่ยวเปิดประสบการณ์เวลาที่เราทำงานในอนาคตนักเรียนอาจจะคิดว่าการที่เราไปเปิดประสบการณ์ก็คือการได้ไปเที่ยวสนุกสนาน แต่เชื่อเถอะว่ามันจะเป็นประสบการณ์ที่จะติดตัวเราไปตลอดชีวิตในการไปทำงานอย่างน้อยก็จะสร้างความมั่นใจว่าเราเคยประสบพบเห็นอะไรต่างๆ มาแล้ว เปิดโลกกว้างมาแล้วนะคะ
อ่านบทสัมภาษณ์ตอน 4 ต่อได้ที่ link ด้านล่างนี้เลยนะคะ
(ตอน4) live สดกับน้องโบว์ เรียน + ฝึกงานตลอด 3 ปีที่เรียน BHMS ในสวิตเซอร์แลนด์