Blogs
(ตอน 1) live สดกับน้องโบว์ นักเรียนไทยในสวิส update สถานการณ์ในสวิสว่าตอนนี้ปลอดภัยแค่ไหน และเรียนเป็นอย่างไร
วันนี้พี่เกลจาก York Institute มีโอกาสได้สัมภาษณ์น้องโบว์ นักเรียนจากสถาบันการโรงแรม BHMS ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ส่งตรงจากสวิตเซอร์แลนด์กันเลยค่ะ น้องโบว์ตอบครอบคลุมทุกมุมทั้งเรื่องการเรียน, การใช้ชีวิตในช่วงโควิด, สถานการณ์ปัจจุบันในสวิตเซอร์แลนด์ คลิกที่ภาพเพื่อฟังสัมภาษณ์ได้เลยค่ะ
น้องโบว์ กำลังเรียนปริญญาตรีสาขา Hotel & Hospitality Management ที่ Business & Hotel Management School (B.H.M.S.) เมืองลูเซิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ค่ะ
York Institute : สวัสดีค่ะ พี่เกลจาก York นะคะ วันนี้เรามีนัดกับน้องนักเรียนไทยที่เรียนที่สวิสค่ะ เราจะมีสัมภาษณ์พูดคุยกันวันนี้นะคะ แนะนำแขกพิเศษของเราก่อนเลย น้องโบว์ค่ะ
น้องโบว์ : สวัสดีค่ะ โบว์ค่ะ
York Institute : เดี๋ยวน้องโบว์ช่วยแนะนำตัวหน่อยนะคะ ว่าเรียนที่ไหน คณะอะไร
น้องโบว์ : โบว์เรียนที่ BHMS เรียน Hospitality Management ปี 1 Bachelor ค่ะ ก็มาตอนประมาณ November (2019) ค่ะ
York Institute: แสดงว่าเราก็ไปก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ Covid ถูกมั้ย คือตอน Covid ก็ยังอยู่ที่สวิสใช่ไหมคะ
น้องโบว์ : ใช่ค่ะ คืออยู่ตั้งแต่ก่อน Covid ค่ะ จนตอนนี้ก็ยังอยู่ที่สวิส ยังไม่ได้กลับไทยเลย
York Institute: แล้วเรียนการโรงแรมนี่เรียนเกี่ยวกับอะไรบ้างเอ่ย
น้องโบว์ : ส่วนใหญ่ก็จะเรียนเป็นพวก Introduction Hospitality แล้วก็มีพวกเกี่ยวกับอาหารด้วย พวก Management ด้วย แต่ว่ามันก็จะไม่ได้เรียนทีเดียว มันก็จะมีคาบที่ลงมือทำเช่น คาบ Service มันก็จะมี 2 อันคืออันนี้ลงอาหารหลักก็จะเสิร์ฟนักเรียนเองเป็นแบบทั่วไป แล้วก็จะมีอีกคาบนึงเป็นแบบ Dining ร้านอาหาร Dining เราก็ต้องจัดเซตช้อนจาน เรียนเสิร์ฟ วิธีการรินไวน์ วิธีการเปิดไวน์ แล้วก็จะมีคลาสชิมไวน์ด้วยค่ะ อันนี้ก็น่าสนใจ
York Institute: สนุกสนานเลยใช่ไหมคะ แล้วช่วงที่เกิดเหตุการณ์ Covid-19 ระบาด ลำบากไหมคะ แล้วที่นั่นทางโรงเรียนเค้ามี มาตรการป้องกันนักเรียนที่นั่นอย่างไรบ้างคะ
น้องโบว์ : ก็ถ้าถามว่าลำบากไหม คือที่นี่แทบจะไม่ลำบากเลยนะคะ คือแทบจะไม่รู้เลยค่ะว่า Covid มันเกิดอะไรขึ้นบ้างรอบๆ ที่นั่น อย่างแรกคือเราปกป้องตัวเองด้วยการอยู่แต่ในห้อง ใน CC Campus แล้วก็ที่มันไม่รู้สึกเลยเพราะว่าเรามีข้าวให้กิน 3 มื้อ เหมือนเดิม เราไม่จำเป็นต้องไปแย่งกักตุนกับเค้า อย่างทิชชู่คือทางโรงเรียนเค้าก็มีให้อยู่แล้ว ดังนั้นแทบจะไม่รู้สึกเลยว่า Covid นะเพราะมันแทบจะไม่มีปัญหาเรื่องอาหารอะไรอย่างนั้นเลยค่ะ คือแทบจะไม่รู้สึกเลยประมาณนี้ ก็ไม่รู้สึกเท่าไร
York Institute: แล้วโรงเรียนมีการออกกฎมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับนักเรียน แบบวัดไข้ อะไรอย่างนั้น
น้องโบว์ : ก็ มีค่ะ มีวัดไข้ ช่วงแรกก็จะวัดไข้ พอหลังจากนั้นมาเค้าก็ เริ่มจัดที่นั่งห้องอาหาร จากที่นั่งโต๊ะละ 4 คน, 6 คน, 8 คน เค้าก็เปลี่ยนเป็นโต๊ะคนเดียวอะไรอย่างงี้ แล้วก็การต่อแถวเอาอาหารเค้าก็จะมีเส้นไว้ให้เลยว่าตรงนี้นะ ก็มีต่อแถวยาวเป็นบันไดงูเลยค่ะ บางคนขึ้นไปรอแถวถึงชั้น 5 เพราะเค้าต้องให้เว้นระยะห่าง แล้วก็มีเจลแอลกอฮอล์ให้หน้าประตู แล้วก็มีครูยืนคุมนะว่า เฮ้ย นักเรียนบางคนเค้าเป็นเพื่อนกันก็ยืนคุยกันเค้าก็ใกล้กันเกินไป ครูก็จะคอยมาเตือนว่าให้ห่างกันไว้ 2 เมตรนะ
York Institute: ถือว่าเค้ามีการรักษาความปลอดภัย และมาตรการการป้องกันเค้าค่อนข้างโอเคเลยนะ แล้วพอเกิดระบาดหนักๆ เข้าตอนนั้นมีนักเรียนไทยกลับมาเยอะมาก อยากรู้ว่าน้องโบว์มองยังไง ทำไมถึงเลือกที่จะอยู่สวิสต่อแทบที่จะกลับไทยคะ
น้องโบว์ : คืออย่างแรก หนูมา intake November แล้วช่วงที่เกิดขึ้นมันประมาณ มีนา เมษา จังหวะนี้เค้าก็จะบอกแล้วว่าใครที่ได้งาน ซึ่งหนูได้งาน เค้าติดต่อมาแล้ว บางคนที่ไม่ได้ฝึกงานเค้าก็เลือกที่จะกลับ แต่อีกเหตุผลนึงที่หนูไม่กลับคือ เพื่อนหนูคนนึงเป็นคนเวียดนาม เค้าบอกว่าเค้ามีเพื่อนคนนึงเรียนที่อิตาลีแล้วพอ Covid คนนี้เค้าอยู่ตอนใต้ของอิตาลี แล้วเค้าจะกลับเวียดนาม เค้าเลยบินจากตอนใต้ขึ้นโรม โรมแล้วมาลงที่เยอรมัน จากเยอรมันมาเวียดนามอย่างงี้ มัน 4 ต่อน่ะค่ะ คือพอเค้าถึงเวียดนามปุ๊ปคือเค้าติดแล้ว
York Institute: คือเหมือนติดเชื้อระหว่างเดินทางถูกไหม
น้องโบว์ : ใช่คือมันตั้ง 3 – 4 สนามบิน อย่างงี้ คือใจนึงเราก็กลัว แต่จะบินตรงกลับตอนนั้นการบินไทยมันก็สี่ห้าหมื่นไปเลย ตอนนั้นจะมีเที่ยวสุดท้ายแค่วันที่ 1 เมษา แล้วคือช่วงนั้นหนูก็เตรียมของไม่ทัน เราลังเลมีไอ้นี่ด้วย แล้วพอแบบเป็นอย่างงี้เราก็กลัว เฮ้ย ถ้าเราอยู่เฉยๆ มาตรการโรงเรียนมันก็ป้องกันอยู่แล้ว แล้วถ้าเราไม่ได้ออกไปเที่ยว คือมันก็ปลอดภัยอยู่แล้ว แต่ถ้าเราดิ้นรนที่จะกลับประเทศไปอย่างงี้ แล้วถ้าเราไปรอในสนามบิน เราก็ไม่รู้ว่าใครในสนามบินเป็นบ้าง แล้วเราต้องจับนู้นนั่นนี่ แล้วอยู่ในเครื่องบินอากาศมันก็ไม่ถ่ายเท มันก็แบบอยู่เฉยๆ มันยังดีกว่าเลย หนูก็คิดประมาณนี้
York Institute: แล้วช่วงที่เค้า Lockdown ล่ะค่ะ คือปิดทุกสิ่ง ทุกอย่างในเมือง อย่างนี้หนูอยู่ยังไงในโรงเรียนคะ
น้องโบว์ : ก็คืออยู่แต่ในห้องค่ะ บางที่ก็ออกไปเดินเล่นได้พวกสวนสาธารณะอย่างงี้ ก็ห่างๆ กันเอาไว้น่ะค่ะ แต่ว่ามันก็ไม่เดือนร้อนเพราะโรงเรียนเค้าก็มีอาหารให้ เราอยู่ในห้อง เราก็มีเพื่อน ก็ไป hang out กับเพื่อนได้ เพื่อนที่เราไว้ใจ ที่เรารู้ว่าเค้าจะไม่ติดนะ มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
York Institute: คือมันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คนอื่นเค้ามองมาถูกมั้ย
น้องโบว์ : คือแทบไม่รู้สึกเลยค่ะ
York Institute: ใช่มะ คือคนที่เค้าไม่ได้อยู่ เค้ามองมาก็รู้สึกว่าที่สวิสมันน่ากลัวแล้ว แต่เราอยู่ที่นั่นก็ไม่ได้รู้สึกเลยถูกไหม เพราะเราก็มีอาหาร
น้องโบว์ : ใช่ๆๆค่ะ ไม่รู้สึกเลย มีอาหาร มีทิชชู่ คือตอนนั้นดูข่าวในอเมริกาเค้าแย่งทิชชู่กัน คือแบบเดินไป Reception ข้างล่างแล้วบอกขอทิชชู่หน่อย คือเค้าก็ให้มา 6 ม้วน ก็ถือแล้วก็ขึ้นห้องเลย ผ้าเช็ดตัวอะไรเค้าก็เปลี่ยนให้ เราก็แค่เอาไปคืนเค้า ผ้าปูที่นอนอะไรอย่างงี้ เราก็เอาไปให้เค้า เค้าก็เปลี่ยนใหม่มา ก็แทบจะแบบไม่ต้องขยับตัวเลยช่วงนั้น อยู่แบบขึ้นๆ ลงๆ กิน กลับขึ้นห้อง ลงเปลี่ยน อยู่แค่นี้ เลยค่ะ
York Institute: โอเคเลยนะ ถือว่าค่อนข้างสะดวกเลย แล้วมีเด็กไทยเยอะไหมคะที่ยังไม่กลับ
น้องโบว์ : ถ้าถามว่ามีเยอะไหม ก็เยอะนะคะ แต่ไม่เยอะมาก มันเหมือนแบบคนนึงกลับคนอื่นก็กลับตามกันอะไรอย่างงี้ แต่ว่าส่วนใหญ่ 80% คนไทยที่อยู่คือเค้าก็ได้งานน่ะค่ะ เราก็เลยเลือกที่จะอยู่น่ะค่ะ
York Institute: แล้วเมื่อกี้บอกว่าได้งานแล้ว โบว์ถือว่าเป็นเคสที่โชคดีมากๆ ที่ได้งานช่วง Covid พอดีเลย เพราะส่วนใหญ่ช่วง Covid ร้านอาหาร โรงแรมอะไรก็ปิด แล้วโบว์ได้งานอะไรอ่ะค่ะ
น้องโบว์ : หนูได้ทำงานในคลินิกค่ะ เป็นคล้ายๆ คลินิกกายภาพบำบัดค่ะ ( ถึงจะใช้ชื่อคลินิก แต่เค้าเรียกตัวเองว่าเป็น First-Class Hotel services. Stylish rooms for patients and their relatives คือเป็นสถานพย่าบาลขนาดใหญ่ ที่หรูหราระดับโรงแรม First-Class และมีห้องพักให้คนไข้และญาติพักค้างคืนได้ค่ะ )
York Institute: แล้วงานของหนูเป็นยังไงค่ะ หนูต้องทำอะไรบ้าง หน้าที่อะไรคะ
น้องโบว์ : คือหนูก็ไม่ได้ทำหน้าที่อะไรได้มากมาย เพราะหนูไม่สามารถไปเจอคนในคลินิกได้เพราะเค้าพูดภาษาเยอรมัน แล้วที่หนูมาอยู่มันเป็น Mammern อะไรนี่แหละค่ะเป็นชื่อเยอรมัน มันติดกับเยอรมันน่ะค่ะ มีทะเลสาบคั่นแล้วก็เป็นเยอรมัน ผู้คนเค้าเลยไม่พูดภาษาอังกฤษกัน เค้าพูดเยอรมันอย่างเดียว เราก็ไม่สามารถไปคุยกับเค้าได้ก็เลยอยู่ในครัว อยู่ที่บาร์ อย่างตอนเที่ยง เค้ามาแบบกินข้าวที่ร้านอาหาร ช่วงแรกที่มาร้านอาหารยังไม่เปิดเลย เราก็ไม่ได้ทำอะไรมากมาย แต่ตอนนี้ห้องอาหารจาก 2 ห้องตอนนี้ก็เปิดห้องนึงแล้ว เราก็ พอเค้ามากินข้าว เราก็หยิบน้ำ เค้าสั่งชา เค้าสั่งโค้ก เค้าสั่งอะไรเราก็เปิดขวด ทำไวน์ รินเบียร์ให้เค้าน่ะค่ะ แล้วก็ให้ service team ไปเสิร์ฟ เพราะเราไม่สามารถพูดได้ เราก็ไม่สามารถไปเจอแขกได้ ประมาณนี้ค่ะ ตอนเช้ามีพวก อุ่นนม อุ่นกาแฟ ทำกาแฟให้เค้า ตาม service น่ะค่ะประมาณนี้
York Institute: แล้วหนูอยู่ยังไงคะ หมายถึงว่าหนูพักที่ไหนเอ่ย
น้องโบว์ : ก็คือของหนูคลินิกที่นี่เค้าก็มีห้องให้อยู่แล้วค่ะ เค้าเป็นรวมอยู่แล้ว ประมาณ 300 ฟรังต่อเดือนมั้งคะ ก็เป็นห้อง รวมค่าไฟ ค่าน้ำ รวมห้องแล้ว แล้วก็มี 37 ฟรังสำหรับพวกของกินน่ะค่ะ ขนมปัง โอวัลติน กาแฟ นมเนย เวลาอยู่ในคลีนิคเวลาพักไม่มีอะไรทำก็กิน ประมาณนี้ 37 ฟรังต่อเดือนก็ถูกว่าถูกค่ะ ประมาณนี้ค่ะ แล้วก็พวกผ้าปูที่นอน ผ้าขนหนู ทุกอย่างในห้องอย่างผ้าคลุมโต๊ะ ผ้าเช็ดเท้า พอใช้แล้วเราก็เอาไปเปลี่ยนได้ตลอดเวลา แล้วของหนูมียูนิฟอร์มให้ ไม่ต้องซักยูนิฟอร์ม เราสามารถเดินไปห้องผ้าแล้วก็หยิบยูนิฟอร์มได้เลย แล้วเค้าจะมีถังให้สำหรับใส่เสื้อผ้าที่ใช้แล้ว เค้าก็ทำความสะอาดให้ค่ะ ก็ประมาณนี้ค่ะ แทบไม่ต้องทำอะไรเลย
York Institute: จริงค่ะ แทบไม่ต้องทำอะไรเลย แล้วพวกค่าที่พัก ขนมอาหารนี่คือเค้าหักถูกป่ะ หักจากเงินที่เค้าจะให้เราเลยถูกป่ะ ไม่ได้เก็บต่างหากใช่ไหมคะ
น้องโบว์ : ใช่ค่ะไม่ได้เก็บค่ะ เค้าหักจากเงินเดือนเลยค่ะ
York Institute: แล้วที่นั่นเค้าให้ค่าจ้างเท่าไรคะที่เค้าให้ต่อเดือน
น้องโบว์ : ถ้ารวมๆ ตั้งต้นเค้าให้หนู 2,280 ฟรัง ก็ประมาณหกหมื่นเจ็ดหมื่นบาทไทย ต่อเดือน แล้วก็ตัด 300 ค่าที่พักไป ตัด 37 ค่าอาหาร รวมๆ แล้วหนูเหลือ 1,880 ฟรังมั้งคะถ้าจำไม่ผิด ประมาณสี่ห้าหมื่นอยู่ดี
York Institute: ถือว่าเยอะเนอะ เพราะหนูแทบไม่ได้ใช้อะไร ก็อาจจะแค่ซื้อของมาทำอาหารกินถูกป่ะ
น้องโบว์ : ใช่ๆ ที่นี่คือแทบจะ มีอีกอย่างนึงซึ่งหนูก็ไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดี แถวนี้มันแทบไม่มีอะไรเลยค่ะ มันเป็นธรรมชาติ แบบเงียบกริบเลยค่ะ มันเลยไม่มีสิ่งเร้าที่เราต้องจ่ายเงินน่ะค่ะ ไม่มีแหล่งช้อปปิ้งนะคะ ถ้าจะไปก็ไปเลยที่เยอรมันเลย Konstanz อย่างงี้ จากนี้ 45 นาทีโดยรถไฟค่ะ ซึ่งตอนนี้ก็ปิดอยู่ก็เลยยังไม่เคยไป
York Institute: ถือว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ดีนะ ข้อดีเลย
น้องโบว์ : เป็นข้อดีที่ได้เก็บเงินค่ะ
York Institute: แล้วแบบตอนนี้ที่สวิส เหตุการณ์เป็นอย่างไรบ้างคะ คือเค้าแบบคลาย Lockdown หรือยัง
น้องโบว์ : ตอนนี้เปิดแล้วค่ะ ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนาแล้ว ก็คือเค้าก็เปิดเป็นขั้นๆ ไป เค้าเริ่มเปิดตั้งแต่พฤษภา แล้วก็มิถุนา แล้วก็จนเมื่อวันที่ 6 มิถุนามั้งคะ เปิดสวนสัตว์ เปิดสระว่ายน้ำ เปิดสถานที่ที่ไม่เกิน 300 คน เปิดพวกสนามกีฬาที่จุได้ไม่เกิน 300 คน คือเปิดหมดแล้ว แต่เค้าเขียนไว้ว่ายังไม่มีกำหนดเปิดสำหรับสถานที่ที่ 1,000 คนขึ้นไปอย่างงี้น่ะค่ะ
York Institute: อืม คือเปิดเป็นจำกัดจำนวนคนไปก่อนแบบนี้ถูกมะ
น้องโบว์ : ใช่ แล้วพวกร้านขายของเค้าก็จะมีเป็นแผ่นกระดาษให้มีเจลให้ แล้วแผ่นกระดาษนี้เวลาเข้าก็หยิบไปคนละอัน พอหมดปุ๊ปคุณก็เข้าไม่ได้ คุณต้องยืนรอจนกว่าคนที่มีแผ่นป้ายจะออกมา แล้วคุณถึงจะมีแผ่นป้าย ถึงจะเข้าไปได้ประมาณนี้น่ะคะ ก็เป็นมาตรการ
York Institute: อ่อ คือแบบเค้าก็นับคิวด้วยวิธีที่ถือกระดาษแล้วก็เดินเข้าไป ถูกป่ะ
น้องโบว์ : ใช่ค่ะ
York Institute: ที่นั่นเค้ามีใส่หน้ากากอนามัยไหมคะ แบบเดินไปพวกตามถนน ตามที่สาธารณะอ่ะค่ะ
น้องโบว์ : คือถามว่ามีไหมก็มีค่ะ ช่วงนี้ก็ยังมีอยู่ แต่ว่าช่วงนี้แทบไม่ใส่กันแล้ว เค้าเริ่มเปิดกันแล้ว แล้วผู้คนก็คิดว่าเค้าปลอดภัยกันแล้ว เค้าก็เลยไม่ใส่กัน ถามว่ามีคนใส่ไหม ก็มีค่ะ ส่วนมากจะเป็นคนที่สูงอายุหน่อย แต่พวกวัยรุ่นวัยกลางคนวัยทำงาน คือเค้าแบบชิลๆ สบายๆ อะไรงี้ค่ะ ถ้าคนแก่หน่อยเค้าก็ป้องกันด้วยการใส่แมส แต่ว่าเท่าที่หนูไป Lucerne เมื่อล่าสุด ประมาณจาก 100% มีแค่ประมาณ 10 – 15% น่ะค่ะที่ใส่แมส แต่ว่าพวกเจ้าหน้าที่รถไฟ เค้าใส่ตลอดค่ะ เวลาเช็คตั๋วอะไรงี้ค่ะ
York Institute: อืม ก็จะใส่เฉพาะเจ้าหน้า คนสูงอายุ หรือไม่ก็คนที่แบบร่างกายไม่แข็งแรง แล้วเวลาที่ไปห้างร้าน คือเค้ามีพวกเจลแอลกอฮอล์ให้ใช่ไหมคะ
น้องโบว์ : มีให้ค่ะ
York Institute: ก็คือเค้าก็มีมาตรการการป้องกันให้คนที่นั่นเหมือนกันเนอะ
น้องโบว์ : ใช่ค่ะ
York Institute: แล้ว ในความคิดหนูตอนนี้สถานการณ์ที่สวิสหนูคิดว่ามันน่ากลัวไหม อยู่ที่นั่นรู้สึกกลัวในว่าจะติดเชื้อไหม ไม่ปลอดภัยไหม อะไรอย่างงี้ไหมคะ
น้องโบว์ : คือถามว่ากลัวไหม ไม่กลัวเลยค่ะ คือตอนแรกที่เริ่มๆ เราก็จะกลัว เพราะด้วยความที่พ่อแม่เป็นห่วง เค้าก็จะโทรมาแบบ เฮ้ย โบว์อย่าออกไปข้างนอกนะ อะไรอย่างงี้นะ แต่ความที่ด้วยตัวเราช่วงนั้นอยู่โรงเรียนเราก็แทบไม่ได้สนใจเพราะว่าเราอย่างที่บอกเราแทบไม่รู้สึกเลยว่า Covid นะ เราต้องอะไรอย่างงี้นะ แต่เวลาออกไปเดินเล่นคือถ้าเราไม่ได้ไปใกล้ๆ คน ไปจับไปสัมผัสอะไร คือแบบไปกับเพื่อนสองคน ก็เดินกันอยู่สองคน เงียบๆ อะไรประมาณนี้ค่ะ ถามว่าอะไรไหม ก็ไม่นะคะ มีบ้างที่ช่วงที่มาสัมภาษณ์งานค่ะ คือจาก Lucerne มาMammern ประมาณรถไฟ 3 ชั่วโมง แล้วประมาณ 2-3 ต่อมันก็นาน คือเราต้องแบบขึ้นลงจับกด อะไรอย่างงั้นน่ะค่ะ เราก็เลยต้องใส่แมส มีเจลแอลกอฮอล์พกไว้ แล้วก็ต้องใส่แมสกันเอาไว้น่ะค่ะ
York Institute: แต่ว่าตอนนี้ถือว่าโอเคใช่ไหม
น้องโบว์ : ตอนนี้ชิลแล้วค่ะ
York Institute: ก็ถือว่าโอเคนะ เพราะที่ได้ข่าวมาตอนนี้สวิสเองเค้าก็กำลังจะเปิดประเทศแล้วก็เปิดให้นักเรียนที่จะไปเรียนขอวีซ่าได้ช่วงกลางเดือนนี้แล้ว
น้องโบว์ : ใช่ เพราะว่าโรงเรียนก็ เห็นว่ารูมเมทบอกว่าทางโรงเรียนเค้าเหมือนจะเช็คห้องแล้วว่าใครอยู่ใกล้กลับ เหมือนจะเตรียมเพื่อให้นักเรียนใหม่มาน่ะค่ะ
York Institute: โอเค ได้ๆ ก็ต้องขอบคุณน้องโบว์นะคะ ที่ให้เราสัมภาษณ์พูดคุย เพราะจริงๆ เนื่องจากว่านักเรียนไทยกลับมาค่อนข้างเยอะ เลยอยากจะรู้ว่าแบบเอะ นักเรียนที่อยู่นั่นเป็นไงบ้างระหว่างที่มีสถานการณ์โรคระบาดอย่างงี้น่ะค่ะ เท่าที่รู้ก็สวิสเป็นก็ถือว่าเป็นประเทศที่ป้องกันค่อนข้างดี มีมาตรการค่อนข้างโอเคเลย คืออยู่ข้างนอกต่อให้เค้าไม่ใส่แมส เค้าก็ยังรักษาระห่าง ถูกมะ คือเค้าก็ไม่ได้เดินติดกัน มีป้องกันให้แบบอยู่ห่างๆ กันอะไรอย่างงี้ป่ะ
น้องโบว์ : ใช่ค่ะ ก็คือ อย่างต่อแถวคิดเงินเค้าก็จะมีเส้นให้ ตามสถานที่เค้าจะแปะเป็นภาษาเยอรมันแล้วก็มีรูปว่าต้องห่างกันนะ แล้วก็บนรถบัสอย่างงี้ค่ะ เค้าจะเป็นที่กั้นเป็นป้ายแดงกันเลย เก้าอี้สาธารณะเค้าก็เอาป้ายแดง แบบเวลาเกิดเหตุป้ายแดงแบบนั้นมาพาดไว้เลยค่ะ แล้วก็พาดแบบอันเว้นอัน นั่งไม่ได้นะ อะไรงี้ค่ะ รถบัสก็กันเอาไว้สำหรับคนขับค่ะ ข้างหน้าคือกันคนห้ามเดินไปหาคนขับนะ แล้วบางทีบนรถบัสก็กั้นที่เลยค่ะต้องนั่งนี่นะห้ามนั่งหันหน้าเข้าหากันห้ามนั่งชนกันค่ะ
York Institute: ก็คือกั้นแบบชัดเจน ว่านั่งไม่ได้แน่นอนเลย ถูกป่ะ
น้องโบว์ : ค่ะ กั้นแบบเกิดเหตุเลยค่ะ moment นั้นเลย
York Institute: ก็ถือว่าโอเคนะ สวิสเองก็น่าจะดีขึ้นในเร็วๆ นี้แล้วก็ เท่าที่เห็นตอนนี้คนติดเชื้อก็น้อยลงนะ
น้องโบว์ : ใช่ค่ะ คือตอนนี้คือกราฟก็ดิ่งลงเลยค่ะ ประมาณนั้น เช็คล่าสุดก็ดิ่งลงแบบคนไม่ติดเยอะแล้วอะไรงี้ค่ะ แล้วก็ตอนติดใหม่ๆ คือสวิสดีมาก คือเช็คออนไลน์ได้เลยว่าแบบคือเค้าจะเป็นแผนที่ประเทศให้แล้ว แล้วแบบพอเราเข้าไปในเว็บ swissinfo.ch อย่างงี้ค่ะคือเราสามารถดูได้เลยค่ะ ว่าแผนที่ในประเทศจุดสีแดงนี่คือใหญ่ขนาดไหน อย่างเช่น ตอนแรกๆ เดือนกุมภา มีนา ช่วงนั้นเลยเราก็เช็คอันนี้ทุกชั่วโมง ซูริค มันก็จะเป็นแดงก้อนใหญ่ๆ บอกว่าติดกี่คน แบบรักษาหายกี่คน ตายกี่คน คือเค้าก็จะเป็นจุดแดงๆ แล้วบอกให้เลยจนผ่านไป ยอดเหลือ 4-5 พันเค้าก็เปลี่ยนเป็นกราฟไรงี้ ประมาณนี้ อันนั้นเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมาก
York Institute: ก็คือแบบมี App real-time บอกเลยถูกมะ
น้องโบว์ : ไม่ ไม่ต้องใช่ App ค่ะ เข้าอินเตอร์เน็ตได้เลย คือเข้า swiss news ได้เลย เค้าอัพเดทให้เรื่อยๆ เหมือนจะเป็นทุกชั่วโมง หรือทุก 3-4 ชั่วโมงอะไรงี้ค่ะ คือเค้าจะอัพเดทตลอดค่ะ
York Institute: แล้วในเรื่องของการรักษาการแพทย์อะไรงี้ ของหนูก็ทำประกันไปอยู่แล้วถูกมะ แล้วโรงเรียนเค้ามีบอกไหมคะ ว่าประกันตัวนี้ที่ทำให้มันสามารถใช้รักษา Covid ได้ไหม ถ้ากรณีติดเชื้อจริง
น้องโบว์ : ไม่ อันนี้ไม่ทราบนะคะ เพราะว่าอย่างที่บอกเราก็ไม่ได้ไปไหน เราก็ไม่รู้สึก แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น ไม่เคยใช้เลยค่ะ อยู่นี่ก็แข็งแรงดี ไม่ต้องใช้เลย
York Institute: ต้องขอบคุณโบว์มากเลย นี่คือแบบเพิ่งเลิกงานมาด้วยใช่ไหม อุตส่าห์มาให้เราสัมภาษณ์พูดคุยเนอะ นะคะ แล้วก็ถ้าเกิดผู้ปกครอง หรือน้องๆ ที่อยากไปเรียนสวิส อันนี้เดี๋ยวให้โบว์ฝากถึงคนที่สนใจแต่ยังลังเลอยู่ ไม่แน่ใจว่าไปปีนี้มันจะโอเคไหม กำลังลังเลอยู่อ่ะค่ะ ให้โบว์ฝากถึงเพื่อนๆ นิดนึงที่อยากจะมา
น้องโบว์ : ก็สำหรับคนที่อยากจะมานะคะ ก็ถ้าถามว่าจะมีผลอะไรยังไงไหม ก็ตอบได้เลยค่ะว่าโรงเรียนเค้ามีมาตรการที่ดีที่โอเค ถ้าเราไม่เอาตัวเองไปจุดที่มันเสี่ยง เช่นไปเที่ยวผับกับเพื่อนช่วงนี้ ถ้าตัวเองอยู่แบบสวนสาธารณะ กันตัวเองจากคนอื่น คือแทบจะไม่มีผลเลยค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงเลย ส่วนผู้ปกครองถ้ากังวลก็คือทางโรงเรียนเค้าอัพเดทตลอดค่ะคือแบบมีคลิป เค้าจะลงคลิปว่าตอนนี้เหตุการณ์เป็นแบบนี้นะ แล้วก็มีประชาสัมพันธ์แบบว่าถ้าคุยเบื่อในห้องสามารถไปตรงนี้ได้ปลอดภัยไม่มีCovid เค้าก็จะอธิบายนู้นนี่นั่นค่ะ ก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้แล้ว แล้วก็ถ้าคนจะมาแล้วกังวลว่ามาช่วงนี้จะมีปัญหาเรื่องฝึกงานไหมคือตอบได้เลยว่า ถ้าเริ่มตั้งแต่ Aug intake แทบไม่มีปัญหาเลย เพราะอีก 6 เดือนกว่าจะเริ่มฝึกงาน คือช่วงนั้นน่าจะเป็นช่วงที่สวิสเปิดประเทศแล้วต้องการจำนวนคนเป็นจำนวนมากสำหรับพวกโรงแรม เพราะตอนโควิดปุ๊บมีคนออกจากงานหลายคนบางทีก็พักงาน
อ่านบทสัมภาษณ์ตอน 2 ต่อได้ที่ link ด้านล่างนี้เลยนะคะ