Blogs
(ตอน 2) live สดกับพี่ดีดี จากสถาบัน INTO ที่มีหลักสูตร Pathway สู่มหาวิทยาลัยระดับ Top ในอเมริกา
(ต่อจากตอน 1)
INTO: เรามาเริ่มในกลุ่มมหาลัยกันบ้างนะคะมหาลัยแรกของเรานะคะ Oregon State University มหาลัยนี้นะคะเป็น Partner กับเรามาจะ 12 ปีแล้วนะคะแล้วก็จะอยู่ที่ Corvallis แต่ว่าเวลาเราไปนะคะเราจะไปลงที่ Portland แล้วก็นั่งรถไปที่ Corvallis ระหว่างทางนะคะอันนี้แอบบอกไว้ก่อนเลยมันเป็น State ที่ Tax Free นะคะระหว่างทางมี Duty Fee ที่ใหญ่มากน้องสามารถแวะได้หรือจะแวะขากลับก็ได้ช้อปปิ้งได้เลยเต็มที่ เป็นมหาลัยที่เราเรียกว่าเป็น College town เนอะก็คือเป็นธรรมชาติส่วนใหญ่ไม่ได้เมืองขนาดนั้นแต่มี Shopping Mall นะคะมีที่ให้เดินนะคะ แล้วก็นักเรียนของพี่ที่ไปสุดท้ายจะไป
เอนจอยธรรมชาติมากกว่าทั้งเดินป่า ปีนเขา เขาจะมีทั้งทะเลนะคะ มีทั้งภูเขาแล้วก็ชีวิตในเมืองฉะนั้นมีค่อนข้างครบค่ะ
INTO: อันนี้พี่รวมพวก Facility มาให้ดูคร่าวๆ นะคะจะเห็นว่าตัว Dining Hall
จะมี International food ให้เลือกนะคะ แล้วก็ยิม ยิมของ US บอกเลยว่าจัดเต็มมากนะคะ , ห้องสมุดเปิด 24 ชั่วโมงนะคะแล้วก็เรื่องของคลับนะคะโดยเฉพาะน้องๆ ป.ตรี นะคะพี่แนะนำให้เข้าคลับมากเลยมันจะทำให้เหมือนได้กิจกรรมใหม่ๆ อีกเยอะแยะมากมายนะคะ
INTO: อันนี้เป็นตัว Ranking ของ Oregon นะคะอย่างที่บอกก่อนหน้านี้ว่าเขาจะไปเด่นในเรื่องของพวก STEM นะคะจะเห็นว่าพวก Engineering มาโดดมากเลยนะคะมี Rank ดีๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ Mechanical Engineering นะคะ Civil Engineering, Electtrical Engineering นะคะ แต่เขาก็โดดเด่นในเรื่องของ Business เช่นกันนะคะแต่ก็ได้ชื่อเสียงว่ายากอยู่เหมือนกันค่ะ MBA ของที่ Oregon นะคะแต่ที่จริงมันจะค่อนข้างยากอยู่แล้วเพราะว่ามันจะเน้นเรื่องของ Case study นะคะหรือว่าการลงมือทำจริงๆ แบบเป็นงานกลุ่ม Group work แบบนี้อ่ะค่ะเพื่อให้ Discuss กับเพื่อนนะคะหลายๆ ที่จะขอประสบการณ์นะคะแต่ที่ Oregon ไม่ขอถ้าสมมุติว่าสนใจคณะไหนเป็นพิเศษติดต่อกลับมาได้เลยนะคะ
INTO: แล้วก็อันนี้เป็นเรื่องเรียนแล้วก็ทุนนะคะ ตัวค่าเรียนของ Oregon เนี่ยไม่ว่าจะเป็น Pathway หรือ Direct Entry นะคะ ข้อดีของเขาคือค่าเรียนเท่ากันอันนี้คือค่าเรียนของเขาตอนนี้นะคะ
ก็คืออยู่ที่ US$ 32,310 สำหรับ ป.ตรี ต่อปีนะคะของ Oregon เป็นมหา’ลัยเดียวในเครือข่ายของพี่ที่ใช้ระบบแบ่ง Quarter system นะคะก็คือ 1 ปี มี 4 เทอมรวมซัมเมอร์นะคะแต่เทอมหลักๆ ของเราไม่รวมซัมเมอร์ก็จะมีแค่ 3 เทอม
INTO: เพราะฉะนั้นเนี่ยปีธรรมดาของเราจะมี 3 เทอมก็คือ 1 ปี US$ 32,310 นะคะอันนี้ยังไม่รวมทุนเนอะ และตัว Housing and Meals อันนีก็คือเป็นหอในรวมค่ากินค่าอยู่นะคะแล้วก็ Insurance ตัวนี้จะเป็นอันที่น้องต้องจ่ายหลังจากที่น้องไปถึงแล้วนะคะทั้งหมดทั้งมวล จะประมาณ US$50,000 นะคะอันนี้ยังไม่รวมทุนนะคะ
แล้วเรามาดูตรงด้านขวาเนอะตอนนี้มีทุนที่น้องๆ ป.ตรี สามารถได้นะคะก็จะมีประมาณ US$ 6,000 ต่อปีนะคะ แล้วก็ที่จริง US$ 6,000 ต่อปีก็คือได้ 4 ปีเลยนะคะแค่พยายามรักษาเกรดให้ถึงนะคะอันนี้สำหรับเข้าตรงแล้วก็ตัว Pathway เช่นกันนะคะ
INTO: น้องที่เข้าเป็น international direct นะคะ ก็คือเข้าตรงนั่นเอง ส่วน Regional Scholarship ตรงด้านล่าง สำหรับน้องๆ ที่เข้าเป็น pathway ของเราน่ะค่ะ จำได้ใช่ไหมคะว่า pathway คืออะไร ซึ่งมันก็จะขึ้นอยู่กับเกรดของน้องและระยะเวลาที่น้องเรียนด้วยนะคะ แต่ถ้าเป็นน้องที่เข้ามาด้วย Regional Scholarship ปีต่อไปถ้าน้องทำได้เกรด 3.5 – 3.74 น้องจะได้ปีละ US$3,000 แต่ถ้าสมมุติว่าตอนจบน้องได้ 3.75 ขึ้นไป น้องจะได้ 5,000 แล้วแต่ condition เนอะ อันนี้เป็นของป.ตรีนะคะ ถ้าสงสัยอะไรถามหลังไมค์ได้เลยนะคะ
แล้วก็ตัว tuition fee สำหรับป.โท ก็จะเห็นว่ามันเริ่มแตกค่อนข้างละเอียดนะคะ ถ้าเป็น pathway ป.โท จะประมาณ US$31,000 เนอะ แต่ถ้าเป็น pathway MBA จะประมาณ US$ 38,000 แล้วก็ถ้าเค้าตรงก็จะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก ก็ถ้าเฉลี่ยกันแล้วน่ะค่ะ ประมาณ US$ 38,000 ถ้าเป็น Business นะคะ
ตัวทุนของป.โท หลักๆ ที่เรามีก็คือตัว Regional Scholarship เท่านั้นนะคะ ถ้าเป็นป.โท ของเข้าตรงจะไม่มีทุนจากทางมหาวิทยาลัยโดยตรง โดยมากต้องขอจากคณะซึ่งไม่การันตรี ธรรมดาป.โท ของอเมริกาจะไม่ค่อยมีทุนเข้าตรงให้นะคะ ถ้าสมมุติว่าเราลองคิดค่าเรียนเนอะ สมมุติว่าค่าเรียนสามหมื่นสาม ลบทุนไปประมาณหกพัน ก็จะเหลือประมาณ สองหมื่นเจ็ด แล้วก็เดี๋ยวปีถัดไปมันก็จะมีทุนมาใหม่เรื่อยๆ ถ้าสนใจติดต่อมาก่อนเลยนะคะ เผื่อมีทุนมาใหม่ อย่างปีที่แล้วเราครบรองสิบปี เราลงทุนแบบอลังการงานสร้างมากนะคะ
ต่อไปเรามาพูดกันต่อกับ University of South Florida ถ้าเทียบกับความโด่งดังของเค้า พอๆ กับ Oregon เลยนะคะ เด็กไทยของเราไป Oregon ค่อนข้างเยอะนะคะ มี Alumni Network ในประเทศไทยเยอะมาก ในที่ USF หรือ South Florida นี่ก็ค่อนข้างใหญ่เหมือนกัน มี Thai Community อยู่ในมหาวิทยาลัย ถ้าสมมุตินะคะน้องๆ รู้สึกว่า Oregon อาจจะแพงไปหรือเปล่า หรือไม่ชอบฝั่ง West อย่างงี้น่ะค่ะ
ที่นี่ก็อารมณ์เหมือนบ้านเราเลย มีต้นปาล์ม อากาศกำลังดี ตอนที่พี่ไปน่ะค่ะ พี่ไปตอน April ซึ่งอากาศก็จะประมาณ 23-24 น่ะค่ะ เค้าบอกว่าร้อน แต่พี่ไปแล้วพี่มีความสุขมากเลยค่ะ เพราะเปิดแอร์ 25 น่ะค่ะ อยู่ที่บ้าน เพราะฉะนั้นตอนที่ไปพี่รู้สึกหนาว คือใส่เสื้อแขนยาวเดินในแคมปัสค่ะ สิ่งที่เห็นคือนักเรียนใส่แขนสั้น แล้วก็ขาสั้น คือ happy มาก คือน้องเค้าดู enjoy กับการเรียนมากค่ะ แล้วก็มหาวิทยาลัยนี้ใหญ่มากนะคะ ถ้าน้องตัดสินใจที่จะเดินเที่ยวนะคะ ตอนที่น้องเดินครบทั่วมหาวิทยาลัย เพื่อนๆ น้องอาจจะเรียนจบแล้วนะคะ พี่แนะนำให้นั่ง Shuttle bus นะคะ เพราะว่ามันไม่ไหวจริงๆ ค่ะ พี่เดินแปปนึงพี่ก็ไม่ไหวแระ ตอนพี่ไปเดินทัวร์มหาวิทยาลัย เจ้าหน้าที่เค้าก็พานั่งรถกอล์ฟ แล้วก็เป็นมหาวิทยาลัยค่อนข้างเก่านะคะ ตอนนี้บูรณะตึกใหม่ไปตั้งเยอะ คาดไว้เลยว่าเดี๋ยวจะมีตึกใหม่อีกเยอะแยะมากมายนะคะ
ตัวมหาวิทยาลัยอย่างที่บอกมีนักเรียนเยอะมากประมาณ 50,000 คน นักเรียนต่างชาติประมาณ 4,900 คน Average Class 30 กว่าคนถือว่ายังเข้าถึงได้เนอะ แต่ว่าหลัง Covid อาจจะน้อยกว่านี้อีกซึ่งก็เป็นประโยชน์กับนักเรียนด้วย เพราะ professor จำหน้าได้ หรือว่าอาจจะไม่อยากให้จำหน้าได้เท่าไรเพราะจะโดดเรียนก็จำได้ พี่แซวเล่นนะคะ ไม่โดดนะคะ แล้วก็ Bachelor degree หรือ master program ที่ให้เลือกเยอะมาก มากกว่า 200 คณะนะคะ แล้วก็ตัวแคมปัสใหญ่มากประมาณ 1,562 acres เทียบกับบ้านเราประมาณ 50 สนามหลวง พี่เคยคำนวณคร่าวๆ นะคะ ก็ใหญ่มากๆ
แล้วก็อย่าง university of south florida นะคะ อย่าง Oregon State University เราเรียกว่าเป็น Tier1 Research U เค้าจะได้เงินสนับสนุนงานวิจัยเยอะมาก ข้อดีคือ facility ต่างๆ ในการ Research ก็จะดีมากๆ แล้วก็พวกเรื่องของตึกเรียน ด้วยความที่มันใหญ่มาก ตึกแต่ละตึกต้องใช้เวลาเดินนิดนึงอ่ะนะ แล้วก็ธรรมดาแล้วอย่างถ้าน้องเรียน Engineering มันจะไม่ได้มีแค่ตึกเดียว มันจะมีประเมาณ 5-6 ตึก แต่ธรรมดาถ้าน้องเรียนคณะไหนปกติก็จะได้อยู่บริเวณเดียวกันนี่แหละค่ะ จะไปหาเพื่อนหรือเรียนวิชาเลือกพิเศษ
อันนี้เป็นตัว Campus Map นะคะ ที่ยกตัวอย่างมาให้ดู ก็จะเห็นว่าค่อนข้างใหญ่มากเหมือนกัน เดินไม่น่าไหวนะคะ มี Lake ให้นั่งพักผ่อน มีเปลน้องสามารถนั่งไกวได้นะคะ มีหงส์ มีไก่ ให้ดูสบายใจ ตึก INTO ของเราจะอยู่ตรงกลางเลยนะคะ อาจจะต้องวางแผนว่าน้องจะลงวิชาอะไรกี่โมง เพราะถ้าน้องนั่งไปนั่งมา อาจจะโกรธตัวเองได้ ว่าทำไมฉันเสียเวลาเหลือเกินกับการเดินทาง
ในส่วนค่าเรียนอย่างที่บอกว่า USF เป็นที่คุ้มค่าเรียนมากๆ อย่างที่ South Florida ถ้าเป็น International Year One หรือ Undergraduate ของ pathway 2 semester ก็คือ 1 ปีแรกจ่ายที่ 25,000 เหรียญนะคะ อันนี้คือยังไม่รวมทุนเลยเนอะ จำได้ไหมคะ Oregon ถ้ารวมทุนแล้วจะเหลือประมาณ US$ 25,000 อันนี้ยังไม่รวมทุนนะคะ 25,000 หลังจากที่น้องเรียน pathway เสร็จแล้ว ปี2 3 4 น้องจ่ายปีนึงแค่ประมาณ 17,000 เหรียญเท่านั้นเอง คือตัวนี้ เค้าไม่ได้ขึ้นค่าเรียนมาประมาณสิบปีแล้ว เพราะว่าทาง state เค้าไม่ให้ขึ้นค่าเรียนเพราะเค้าเห็นว่าการศึกษาทุกคนควรจะเข้าถึงได้ แต่ว่าอันนี้มันก็สิบกว่าปีแล้วค่ะ ก็ไม่แน่ใจว่าเค้าจะห้ามไปถึงไหนเนอะ
แล้วตัวค่าใช้จ่ายอย่างอื่นจะคล้ายๆ กัน ก็คือค่าหอ ค่าหนังสือ ค่าประกัน ส่วน other ตรงนี้น่ะค่ะ พวกพี่ใส่มาเพื่อ สมมุติน้องเบื่อ campus dinning halls แล้วอยากไป shopping ข้างนอกกินข้าวข้างนอกก็ไปได้
แล้วก็ส่วนตรง Regional Scholarship ตรงนี้ก็จะเห็นว่า มันจะ Run ตั้งแต่ 500-5,000 เหรียญ ถ้าเป็นตัวนี้ 2 เทอมเทียบกันเนอะมันจะ 500-10,000 เหรียญ สำหรับน้องๆ ที่เรียน pathway นะคะ ส่วนด้านจะเป็นทุนสำหรับน้องๆ ที่เข้าตรงก็จะเป็น undergraduate direct นะคะ ซึ่งตัว deadline ของถ้าน้องจะเรียน Aug ปีหน้า ต้องสมัครตั้งแต่ช่วง Jan นะคะ เพื่อชิงทุนเหล่านี้ ซึ่งได้มากสุด US$ 12,000 ต่อปี ถ้าน้องได้ตัวนี้แปลว่าน้องจ่ายเพียงแค่ปีละ 5,000 เหรียญ ถูกมากนะคะ แต่มันก็จะมี equirement อ่ะนะคะ ตอนเข้าต้องเกรด 4.0 ขึ้นไป SAT 40 ขึ้นไป ภาษาผ่าน และระหว่างเรียนต้องพยายาม keep GPA ให้สูงด้วย
แต่ถ้าได้น้อยกว่านั้นก็จะมีทุนให้ US$ 9,000 ต่อปี, US$ 6,000 ต่อปีนะคะ โอเคอันนี้สำหรับ ป.โท ถ้าเป็น pathway จะอยู่ที่ US$ 31,000 ถ้าเป็น Direct จะอยู่ที่ US$ 15,000 ถูกเข้าไปอีก แล้วยิ่งป.โท ไม่ได้บังคับให้อยู่หอในถ้าเราไปอยู่ที่ Housing ถ้าเราหาเองก็อาจจะได้ถูกๆ เดือนละ 500 เหรียญก็มี ตัวทุนของป.โท จะมีแค่ pathway เท่านั้น Max สุดอยู่ที่ 8,000 เหรียญ
ต่อไป Illinois State University นะคะ อันนี้เป็น Public University ที่อยู่ใกล้ๆ Chicago นะคะ ประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ ถ้านั่งรถ shuttle bus หรือว่านั่งรถไฟ ไปได้ แต่ว่าธรรมดาจะนั่ง Shuttle bus มากกว่า สบายๆ ขึ้นจาก Chicago ได้เลย เค้าก็จะให้นั่งชิล ยาวจนถึงที่ Normal นะคะ พอถึงแล้ว นั่งรถอีกนิดเดียวก็ถึง Illinois State University แล้วค่ะ ที่นี่จะเป็นเน้นตึกแดง เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ เพราะว่าเป็นมหาวิทยาลัยแรกของ Illinois State เลยนะคะ
จะเห็นได้ว่าแผนที่มหาวิทยาลัยเน้นสีแดง จะมีที่ใหม่ก็จะเป็นตึกสูงๆ ตรงนี้ เป็นหอพักนักศึกษานะคะ สูงที่สุดในระแวกเลย วิวดี วิวเลิศ เป็นหอในที่เน้นสำหรับเด็ก undergraduate แล้วก็ตัวมหาวิทยาลัย ตอนที่พี่ไปเมื่อตอน Apr ไปทริปเดียวกับ USF เนอะ บรรยากาศเค้าจะเป็นความอบอุ่น เค้าจะเป็นอารมณ์เมืองเล็ก ๆ ทุกคนเป็นมิตร นะคะ เป็นเมืองนักศึกษาด้วย จะมีตลาดนัด จะมี Church ต่างๆ ที่เค้าจะมาแจกของมีการชวนคุยกัน กิจกรรมมีให้ทำตลอด ถ้าใครไม่ชอบเมืองใหญ่ที่นี่ก็เป็นอีกทางเลือกนึงที่ดีนะคะ เค้าจะโด่งดัง เรื่อง Fine Arts, Music, การแสดง Theater นะคะ ยาวไปถึงพวก Business เลยแล้วโปรแกรมอีกตัวที่โด่งดังคือ Actuarial Science ซึ่งเพิ่งเปิด pathway ไปเมื่อปีที่แล้วนะคะ ถ้าสนใจสามารถเข้ามาคุยได้เนอะ
ค่าเรียนไม่แพง ถ้าเป็นป.ตรี อยู่ที่ 28,000 pathway 27,000 สำหรับ Direct Entry ถ้าน้องคนไหนรู้สึกว่ายังไม่ค่อยมั่นใจกับการเรียน รู้สึกไม่มั่นใจ การเรียน pathway ก็เป็นเรื่องที่ดี มันจะมีพวก support จากทางพวกพี่ ๆ โดยเฉพาะที่เชี่ยวชาญในการดูแลเด็ก international อยู่แล้ว แล้วก็ support ในเรื่องการ soft landing ก็จะมีไปรับ ขับรถไปส่งถึงหอ น้องไปถึงปุ้บ แกะๆๆ นอนได้เลยค่ะ แต่ถ้าเป็น Direct Entry ก็สู้นิดนึง แต่พี่มั่นใจว่ามันไม่เกินความสามารถของน้องๆ เนอะ
แล้วก็ถ้าเป็นตัวทุน pathway จะประมาณ 1,000 – 12,000 แล้วแต่ตัวเทอมที่น้องเรียนแล้ว ตอนนี้มีให้ทุนปีต่อๆ ไป ก็ได้เหมือนกัน แต่ขึ้นอยู่กับว่าน้องได้เกรดเท่าไร ถ้าเป็น undergraduate direct entry ทุนประมาณ 1,000 – 1,200 ต่อปี อันนี้จะได้น้องก็ต้อง submit application ก่อน ต้อง submit early เหมือนกันนะ
ถัดไปเป็นป.โท ถ้าเป็น pathway อยู่ที่ประมาณ 26,000 นะคะ ถ้าเข้าตรง 23,000 สมมุติปีแรก เรียน pathway จ่ายแค่ 26,000 ปีที่ 2 จ่าย 23,000 ก็คือถูกลงไปอีก ถ้าสมมุติว่าน้องเรียน pathway แค่เทอมนึง เกรดไม่ถึง แต่ภาษาถึง IELTS 6.5 แล้ว น้องเรียนเทอมเดียวก็ได้ เทอมแรกน้องก็จ่าย 15,000 เหรียญ แล้วเทอมที่ 2 จ่าย 23,000 หาร 2 ก็ประมาณ 16,000 กว่า นะคะ ประมาณนี้ก็ถือว่าประหยัดไปได้อีก
ตัวทุนของป.โท นะคะ ถ้าเป็น pathway ก็เป็น 12,000 เหรียญขึ้นอยู่กับ GPA ตัวภาษา และระยะเวลาเรียน แล้วก็ถ้าเป็นเข้าตรงจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 เหรียญต่อปีนะคะ
โอเคมหาวิทยาลัยสุดท้าย St. Louis University อยู่ที่ Missouri ตัวมหาวิทยาลัยนี้เป็นของเอกชน Ranking เค้าดีจริงนะคะ ที่นี่เค้าโด่งดังในเรื่องของ Nursing , Aeronautic ที่เกี่ยวกับการบินนะคะ Aeronautic Engineering มีเครื่องบินเป็นของตัวเองนะคะ เก็บชั่วโมงบินระหว่างเรียนได้เลย เฉพาะนั้นเนี้ยน้องคนไหนสนใจอยากเป็นนักบิน ที่นี่ก็น่าสนใจเช่นกัน
ตัวมหาวิทยาลัยอันนี้จะอยู่ในเมืองนิดนึงนิดค่ะ มี Theater มีอะไร ไม่เหมือน 3 มหาวิทยาลัยก่อนหน้านี้ที่เป็น College Town แล้วก็นั่งรถอีกประมาณ 20 นาทีก็เข้าดาวน์ทาวน์กลางเมืองเลย จำนวนคนค่อนข้างเยอะ ไป Chicago จากที่นี่ใกล้กว่าไปจาก Illinois State University นะคะ จาก Illinois มันประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง จากที่นี่แค่ชั่วโมงเดียวนะคะ แล้วก็ค่าแรงกลางๆ แต่ค่าครองชีพต่ำ ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำฟรีเยอะมาก อย่างเช่นพวกปล่อยบอลลูน คือเราขึ้นไปอยู่บนบอลลูนแล้วก็เฉิดฉายได้เลยนะคะ Theater หรือ exhibition ต่างๆ หรือ Museum ฟรี ทั้งหมดเลย ถ้าน้องคนไหนอยาก enjoy life แต่ไม่อยากเสียตังค์เยอะนะคะ ที่นี่เป็นอีกนึงโอกาสที่ดี
ตัวมหาวิทยาลัย อันนี้เป็นตึกที่เป็นแคมปัสเค้านะคะ ตัวมหาวิทยาลัยจะอยู่ค่อนข้างกลางเมืองนิดนึงนะคะ ถ้าเรามองลึกเข้าไปอีกหน่อย ที่เป็นฟ้าๆ ทั้งหมดจะเป็นตึกเรียนเค้า ที่นี่จะมี Church สวยๆ เยอะมาก แล้วเค้าก็จะมีตัว Free activity เห็นไหมคะจะมีพวกปล่อยบอลลูน พวก Museum ฟรี แล้วก็ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่เป็นคน St. Louis เลยน่ะค่ะ เค้าบอกว่าเค้า happy มาก กับการจ่ายภาษี แล้วให้คนที่มาเที่ยวได้ใช้อะไรแบบนี้ฟรีๆ แล้วเมืองเค้าดูแลดีมาก
ส่วนค่าเรียนถ้าเป็นป.ตรี จะค่าเรียนสูงนิดนึง เพราะมันอยู่กลางเมืองเนอะ แล้วก็คุณภาพทั้ง Ranking การันตรีด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานจะอยู่ที่ประมาณ 47,000 นะคะ ค่าเรียนป.ตรี สำหรับ pathway กับ direct entry เท่ากันคือประมาณ 47,000 นะคะ แต่ว่าตอนนี้มีทุนที่ Run Auto เลย ได้ทุนไปเลยปีละ 10,000 เหรียญ รันไปเลย 4 ปี ขอแค่น้องได้เกรด 2.0 ขึ้นไปในแต่ละเทอม ซึ่งก็คือเกรดผ่าน น้องจะได้ทุกปี ปีละ 10,000 เหรียญ ก็จะเหลือค่าเรียน 37,000 นะคะ ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างถูกลง แต่ถ้าน้องเข้าตรง มีทุนเต็มนะคะ ซึ่งปีนึงก็จะแจกประมาณ 4-5 ทุน แล้วแต่ว่าเด็กในปีนั้นมี qualify เยอะแค่ไหนนะคะ แต่ว่าส่งเอกสารเยอะ และต้องบินไปสัมภาษณ์ที่ St. Louis ด้วย หรือว่าถ้าเป็นเกรด ก็ต้องดูว่าน้องเกรดเท่าไร ผลการเรียนเป็นอย่างไร ซึ่งก็จะ Maximum ที่ 23,000 นะคะ
ถ้าเป็นป.โท จะเห็นว่าค่าเรียนค่อนข้าง Friendly ถ้าเป็น pathway 33,000 เท่ากับมหาวิทยาลัยก่อนหน้านี้เลย อันนี้ยังไม่รวมทุนนะคะ
ทุนก็จะรัน max สุด 10,000 เหรียญ แล้วแต่ภาษาและระยะเวลาเรียน แต่ถ้าเป็นเข้าตรงที่ไม่ใช่ Law นะคะจะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเป็นคลาสปกติทั่วไป หรือ Business ค่าเรียนแค่ประมาณ 22,000 เหรียญเท่านั้นเอง ถือว่าคุ้มค่ามากกับการที่ได้เรียน facility ขนาดนั้น บรรยากาศการเรียนค่อนข้าง ที่ไปมาเห็นได้ว่าเขาลงทุนกับ facility ค่อนข้างเยอะมากนะคะ
ที่วันนี้เอามาพูด 4 มหาวิทยาลัย มีแค่ Oregon ที่พี่ยังไม่เคยไป ที่เหลือไปหมดแระ ก็พูดถึงสิ่งที่ได้เห็นมาก็ค่อนข้างเยอะเหมือนกันนะ ค่ากินอยู่ก็ไม่ได้แพงมากเลือกได้เช่นกัน on campus housing ดีนะคะ on campus dinning ดี อาหารอร่อยมาก happy ที่ happy มากคือมีไอศกรีมแบบซอฟเสิร์ฟ กดเองได้เลย อันนี้ก็จะประมาณนี้นะคะ ของสี่ตัวมหาวิทยาลัยที่เอามาพูดถึงวันนี้เนอะ ก็ค่อนข้างเห็นแล้วว่ามันจะมีความแตกต่างค่อนข้างไม่เหมือนกัน ถ้าเกิดน้องๆ คนไหนสนใจมหาวิทยาลัยไหน ถ้ามีมหาวิทยาลัยในใจ หรือมี Requirement ในใจว่าอยากอยู่ในเมือง อยากเรียนวิชานี้ ก็สามารถติดต่อทางพี่เกลได้เลยนะคะ
York: ค่ะใช่ค่ะ อย่างที่เห็นเมื่อกี้นี้คือ Ranking ดี ทุกที่เลย แล้วบางที่ราคาค่าเรียนก็ถือว่าถูกมากด้วยนะคะ ทีนีพี่เกลจะถามเพิ่มเติมนิดนึงนะคะคือ อย่างน้องๆ บางคนจะสงสัยว่าการไปเรียนกับสถาบัน INTO นี้คือ เวลาน้องเรียน เรียนใน campus ของมหาวิทยาลัยเลย หรือว่าอยู่นอก campus ค่ะ
INTO: ของ INTO ของเราเลยนะคะ ใน US ทุกมหาวิทยาลัยจะเป็นตึกที่อยู่ในมหาวิทยาลัยเลย จะไม่ได้แยกออกจากรั้วมหาวิทยาลัยนะคะ ยกเว้นของ Suffolk มหาวิทยาลัยมันจะไม่ได้เป็นแบบรั้วรอบขอบชิดนะคะ คือ INTO ของเราจะไป take over ตึกในมหาวิทยาลัย 1 ตึกอยู่แล้วนะคะ น้องได้เรียนในมหาวิทยาลัย เป็นเด็กในมหาวิทยาลัยค่ะ
York: ก็คือว่าไม่ว่าน้องจะเรียนมหาวิทยาลัยไหนก็ตาม INTO ก็จะอยู่ใน campus มหาวิทยาลัยอยู่แล้ว น้องก็สามารถไปอยู่ใน campus นั้นแล้วเรียน ก็คือใช้สิทธิทุกอย่างเหมือนเป็นนักเรียนในมหาวิทยาลัยนั้นๆ ได้เลย ถูกไหมคะ
อ่านบทสัมภาษณ์ตอน 3 ต่อได้ที่ link ด้านล่างนี้เลยนะคะ
(ตอน 3) live สดกับพี่ดีดี จากสถาบัน INTO ที่มีหลักสูตร Pathway สู่มหาวิทยาลัยระดับ Top ในอเมริกา